ความเจริญเติบโตของอาคารระฟ้า
เมื่อไม่นานมานี้ บริษัท เพซ และบริษัท บวิค-ไทย ได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับสมาคม
อาคารสูงโลก หรือ CTBUH เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งได้มีการกล่าวแถลง
และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการก่อสร้างอาคารสูงและการจัด
ผังเมืองของประเทศไทย โดยใช้ตัวอย่างจากงานก่อสร้างอาคารระฟ้าทั่วโลก
โดยคุณสรพจน์ เตชะไกรศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทเพซ ดีเวลลอปเมนท์
ได้นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับโครงการมหานคร และดร. แอนโทนี วู้ด กรรมการบริหาร
ของ CTBUH ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับอาคารสูงทั่วโลก
ทั้งนี้สามารถสรุปได้ว่าปัจจัยที่ทำให้มีอาคารสูงเพิ่มมากขึ้น คือราคาที่ดินที่สูงขึ้น
ความชื่นชอบต่องานสถาปัตยกรรมแบบไอคอนระดับโลก การวางผังเมือง
รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของประชากรและข้อจำกัดในด้านพลังงาน CTBUH
ได้เล็งเห็นถึง 4 เทรนด์สำคัญดังต่อไปนี้
1. ความสูงและจำนวนอาคารระฟ้าที่เพิ่มขึ้น
ตึกเอมไพร์ สเตท เริ่มก่อสร้างในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจโลก และได้รับการบันทึกว่า
เป็นอาคารที่มีความสูงที่สุดตั้งแต่ปี 2474 เป็นเวลา 41 ปี ก่อนที่จะมีการสร้าง
ตึกเวิลด์เทรดเซนเตอร์ในปี 2515 และอาคารใหม่ๆ อีกมากมายที่เพิ่มความสูง
ขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งมีการสร้างตึกเบิร์จ คาลิฟาซึ่งมีความสูงเกือบสองเท่า
ของตึกเอมไพร์ สูงตระหง่านเสียดฟ้าที่ 828 เมตร
ในขณะเดียวกัน จำนวนของอาคารสูง (มีความสูงมากกว่า 200 เมตร) ได้เพิ่ม
ขึ้นอย่างทวีคูณ โดยขณะนี้มีการวางแผนการก่อสร้างอาคารระฟ้าที่มีความสูงมาก
(300 เมตรขึ้นไป) และอาคารระฟ้าที่มีความสูงเสียดฟ้า (600 เมตรขึ้นไป) โดยมี
กำหนดการก่อสร้างเป็นที่แน่นอน และภายในปี 2563 คาดว่าจะมีตึกระฟ้าที่สูง
มากกว่า 600 เมตรเพิ่มขึ้นจาก 2 ตึกเป็น 8 ตึก
2. การเพิ่มขึ้นของอาคารสูงในเอเชียและตะวันออกกลาง
จากเดิมอาคารที่มีความสูงนั้นจะสร้างขึ้นในอเมริกาเหนือ แต่ในปี 2555 อาคาร
สูงส่วนมากจะถูกสร้างขึ้นในเอเชียและตะวันออกกลาง
3. การใช้งานของอาคารสูงเปลี่ยนจากรูปแบบออฟฟิศเป็นแบบมิกซ์ยูส
ในขณะที่อาคารสำนักงานยังคงเป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดของอาคารสูง อาคารมิกซ์ยูส
เช่น มหานครซึ่งผนวกส่วนที่อยู่อาศัยได้กลายเป็นประเภทของอาคารสูงที่มี
การขยายตัวอย่างรวดเร็ว ในขณะที่อาคารสำนักงานได้ลดระดับความนิยมลง
ขณะเดียวกันได้มีการเปลี่ยนชื่อของอาคารสำนักงานใหญ่ เช่น ตึกไครส์เลอร์ และ
ตึกเซียรส์ ไปเป็นชื่อของเมืองนั้นๆ ซึ่งช่วยในการบอกที่ตั้งของอาคารได้
4. การเปลี่ยนโครงสร้างจากเหล็กมาเป็นคอนกรีตและวัสดุอื่นๆ
เมื่อ 30 ปีก่อน เหล็กยังคงเป็นส่วนประกอบสำคัญในการก่อสร้าง แต่เมื่อ 20 ปีที่
ผ่านมา ได้มีการเปลี่ยนไปเป็นคอนกรีตและวัสดุประกอบอื่นๆ สุนทรียศาสตร์ก็มี
การเปลี่ยนแปลงเช่นกัน จากสถาปัตยกรรมแบบมาตรฐานไปเป็นแบบที่มีลูกเล่น
ของต่างประเทศมาผสม รวมถึงมีการผสมผสานด้านประติมากรรม วัฒนธรรม
และศิลปะที่มักไม่มีมีอิทธิพลต่อการก่อสร้างอาคารสูงในยุคแรก
CTBUH ได้เรียบเรียงประเด็นที่มีผลกระทบในด้านลบต่อการเป็นที่ยอมรับของ
อาคารระฟ้าหลากหลายอาคาร ในประวัติศาสตร์ อาคารสูงทั่วโลกมักจะเชื่อม
ต่อกับสภาพแวดล้อมและวัฒนธรรมของแต่ละเมืองนั้นๆ แต่การออกแบบใน
ปัจจุบันได้รับอิทธิพลจากปัจจัยทางด้านพาณิชย์เป็นสำคัญ ดังนั้นการก่อสร้าง
อาคารสูงในปัจจุบันจึงขาดการเชื่อมต่อกับสังคมทำให้เอกลักษณ์ของแต่ละ
เมืองจางหายไป หรือบางอาคารก็เกิดจากการต้องการที่จะเป็นตึกไอคอนเพียง
เท่านั้น ทำให้ผลลัพธ์คือความเป็นไอคอนแบบไม่ค่อยลงรอยกับความงดงาม
ของทิวทัศน์ของเมืองนั้นๆ
อาคารระฟ้ายังคงมีความจำเป็นต่อชุมชน แต่ควรก่อสร้างตามหลักของข้อกำหนด
ที่สำคัญต่างๆ โดย CTBUH มีความหวังที่จะได้เห็นบทบาทหน้าที่ของอาคารสูง
ในแต่ละเมือง ดังนี้
- การออกแบบแต่ละชั้นของอาคารควรมีความแตกต่าง ไม่ใช่เหมือนกันทุกชั้น
- พื้นผิวและมาตราส่วนต้องหลากหลาย มีความงดงามด้านรูปลักษณ์
ภายนอกไม่ว่าจะมองจากระยะใกล้หรือไกล
- การใช้งานควรเป็นรูปแบบผสมผสานและมีความเป็นสาธารณะ มีส่วนสำหรับ
พักผ่อนหย่อนใจ
- มีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพพร้อมพื้นที่สีเขียว
- มีพื้นที่เชื่อมโยง เช่น สะพาน เพื่อเพิ่มความสะดวกในการเดินทางและ
การพบปะของผู้คน